ขวามร็ู
โครงการแก้จน พบว่า จำนวนคนพิการที่ได้มาลงทะเบียนในโครงการจดทะเบียนคนจนมีเพียง 3.77 แสนคน น้อยกว่าจำนวนคนพิการที่ลงทะเบียน เพื่อรับสิทธิในการสงเคราะห์ ซึ่งมีมากถึง 1.8 ล้านคน สิ่งที่ภาครัฐควรต้องดำเนินการเป็นอันดับแรก คือ มุ่งเน้นตามหากลุ่มคนที่ตกหล่น
February 07, 2018
การผลักดันโครงการแก้จนครั้งนี้ ได้มีการกำหนดกลุ่มเป้าหมายให้ครอบคลุมเฉพาะผู้ที่เข้าร่วมโครงการลงทะเบียนคนจนในปีที่ผ่านมา โดยเลือกเฉพาะกลุ่มที่มีรายได้น้อยกว่า 3 หมื่นบาทต่อปี ซึ่งสอดคล้องกับเส้นบ่งชี้ถึงความยากจนของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แต่กระนั้นก็ได้มีนักวิชาการออกมาแสดงความกังวลใจว่า อาจจะมีคนจนที่ตกหล่นจากโครงการแก้จนในครั้งนี้
เมื่อพิจารณาถึงปัญหาความยากจนของไทยในเชิงลึก จะพบว่าปัญหาความยากจนของคนไทยส่วนหนึ่ง เกิดจากการที่ประชากรกลุ่มเฉพาะของไทย เช่น กลุ่มคนพิการ กลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มคนไร้บ้าน เข้าไม่ถึงสิทธิและสวัสดิการต่างๆของรัฐ
เมื่อพิจารณาโครงการแก้จนในครั้งนี้ ผู้เขียนพบว่า จำนวนคนพิการที่ได้มาลงทะเบียนในโครงการจดทะเบียนคนจนมีเพียง 3.77 แสนคน ซึ่งมีจำนวนที่น้อยกว่าจำนวนคนพิการที่ลงทะเบียน เพื่อรับสิทธิในการสงเคราะห์ การพัฒนาและการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการตาม พ.ร.บ. ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2556 ซึ่งมีมากถึง 1.8 ล้านคน (ข้อมูล ณ วันที่ 15 ก.ย. 2560)
loading...
ดังนั้น สิ่งที่ภาครัฐควรที่จะต้องดำเนินการเป็นอันดับแรก คือ การมุ่งเน้นในเรื่องของการตามหากลุ่มคนที่ตกหล่นจากโครงการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มประชากรกลุ่มเฉพาะที่มักจะถูกละเลยและเข้าไม่ถึงความช่วยเหลือจากภาครัฐ ผู้เขียนเชื่อว่าการเข้าถึงกลุ่มคนที่ตกหล่นบางกลุ่มจะไม่ใช่เรื่องที่ยากจนเกินไป เพียงแต่ต้องอาศัยการประสานฐานข้อมูลของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าด้วยกัน เช่น ข้อมูลการจดทะเบียนคนจนกับข้อมูลการจดทะเบียนคนพิการ เป็นต้น
การเดินก้าวแรกเป็นก้าวที่กำหนดทิศทางและอนาคตความสำเร็จของโครงการ การเข้าถึงกลุ่มคนที่ตกหล่นจากโครงการให้ครบถ้วนจะนำไปสู่การเริ่มต้นแก้ไขปัญหาความยากจนของไทยได้อย่างแท้จริง
ข้อคิดเห็นนี้ เป็นส่วนหนึ่งของผลการศึกษาโครงการวิจัยที่ได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
Cr :https://www.isranews.org/isranews/63098-tdri-63098.html
0 comments